► การวางแผน เริ่มจาก
1.ตั้งวัตถุประสงค์ : วิสัยทัศน์ : ต้องการออกReport
2.แผนกลยุทธ์ : เป็นแผนที่จะนำไปปฏิบัติงาน ตัวกำหนดแบ่งเป็น 3 ตัวกำหนด
- ลักษณะ : แบบการตรวจสอบ(ทำให้ทราบระยะเวลา)
1.) Interim Audit : การตรวจสอบระหว่างปี เป็นการตรวจได้เฉพาะระบบควบคุมภายใน(Test of control)
ระบบควบคุมภายใน : ป้องกันการเกิดทุจริต หรือข้อผิดพลาด (ถ้าระบบควบคุมภายในดี ข้อผิดพลาดก็จะน้อยทำให้เกิดความเสี่ยงต่ำ ส่งผลถึงตอนสิ้นปีเราก็ทำการตรวจสอบน้อยลงกว่าระบบควบคุมภายในไม่ดี)
2.) Year End Audit : การตรวจสอบงบการเงิน(Substantive Test) :
ตรวจหาสาระสำคัญ
- ระยะเวลา :
1.) Interim Audit : ไม่เกิน 31 ธ.ค.
2.) Year End Audit : ไม่เกินวันที่ยื่นงบการเงิน
- ขอบเขต : การสุ่มตัวอย่าง(ขนาดตัวอย่าง : ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของบริษัท) เท่าใดถึงจะเพียงพอที่จะแสดงความเชื่อมั่นได้
3.แผนปฏิบัติงาน
►แผนการสอบบัญชี โดยรวม
1.) ผู้บริหาร เช่น ถ้าผู้บริหารมีความกล้าได้ กล้าเสีย ก็จะมีความเสียสูง
2.) ตัวProductของบริษัท เช่น คอมพิวเตอร์ มีความเสี่ยงคือ ความล้าสมัย,
ทอง หรือเพชร มีความเสี่ยงคือ ความปลอดภัย
3.) บุคคลใดเป็นคนตรวจบัญชีของปีก่อน(ทำไมทางบริษัทถึงไม่จ้างบุคคลเดิมต่อ,
ทำไมถึงมาเลือกเราทำแทน)
วิธีการตรวจสอบเหตุผล : เริ่มจากให้เราส่งจดหมายไปถามบุคคลเก่าที่เคย
ทำงานให้บริษัท ว่ามีเหตุผลทางมารยาทหรือไม่ ถ้ามี ให้เราแจ้งไปทางบริษัท
ให้ทางบริษัทอีกทีให้ส่งจดหมายไปหาบุคคลเก่าที่เคยทำงาน ว่าอนุญาตให้
บอกลายละเอียดของเหตุผลทางมรรยาทกับเรา
ลูกค้าของเรา มี 2 แบบ คือ
1.) แบบเคยเป็นลูกค้าของบุคคลอื่นมาก่อน
2.) แบบไม่เคยเป็นลูกค้าของบุคคลใดเลย
Engagement Letter(จดหมายตอบรับงาน) : ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่สิ่งสำคัญที่ต้องระบุ คือ
ลักษณะ, ระยะเวลา, ค่าบริการ
2. รวบรวมข้อมูลของกิจกรรม
Plant Tour : ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ
สิ่งที่นักสอบบัญชีควรทำเมื่อไปเยี่ยมสถานประกอบการ
- พกความสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบการ และควรจดบันทึกขนาดเยี่ยมสถานประกอบการ
- สัมภาษณ์ผู้บริหาร : จะทำProjectอะไรในอนาคต
- สอบถามพักงาน/แม่บ้าน/รปภ. เช่น เข้ามาทำงานสายได้ไหม, ตอกบัตรเข้าทำงานแทนกันได้หรือไม่
- มนุษยสัมพันธ์ : ถ้ามีมากก้อจะได้ข้อมูลมาก
- ดูสมุดบัญชีหรืองบการเงินของบริษัท(2-3ปีที่แล้ว) : นำมาเปรียบเทียบกัน ดูและวิเคราะห์แนวโน้มการเงินของบริษัท, วิเคราะห์อัตราส่วนของสินค้าคงเหลือ(ต้นตุนขาย หารด้วยสินค้าคงเหลือ)
3. วิเคราะห์เปรียบเทียบเบื้องต้น
4. กำหนดความมีสาระสำคัญ
สาระสำคัญ(materiality) : ถ้าเรารู้เพิ่มจากก่อนหน้าที่เราไม้รู้ แล้วเราจะตัดสินใจอีกแบบหนึ่ง
พิจารณาจาก – ขนาดของกิจการ
- ดุลยพินิจของคนแต่ละคน : ทุกคนในทีม ต้องทำการตกลงว่าสาระสำคัญคืออะไรให้ตรงกัน แต่ผู้สอบ คือคนที่สรุปท้ายสุด
หมายเหตุ : - จากคำถามที่ อาจารย์ได้ถามในห้องว่า กำหนดการยืนแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี คือเมื่อใด คำตอบคือ ภายใน 150 วันนับจากวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี
- นางสาวสุพรรณี เพ็งสุทธิ์ รหัส 505562 ได้ดร็อปการเรียนแล้ว และได้เพิ่ม
นางสาวจิตติรัตน์ จันทร์เขียว รหัส 504125 เข้าในกลุ่ม
มีคำผิดบ้างเล็กน้อย ตรวจสอบช่วยกันหน่อยนะครับ แต่โดยภาพรวมแล้วสรุปได้ค่อนค้างดีครับ
ตอบลบ